วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อิสระภาพการเงิน เวลา สุขภาพ ความสุข

ทำไม?ผมจึงต้องตั้งหัวข้อ  (สนใจที่จะเปิดใจงาน ออนไลน์ คลิก)

อิสระภาพทางการเงิน (passive income)

เวลา

สุขภาพ

ความสุข 

เพราะทุกอย่างสอดคล้องกันครับ
บางท่าน มีเงินแต่ไม่มีเวลา สุขภาพไม่ดี ก็ไม่มีความสุข

บางท่านมีเวลา สุขภาพดี แต่ไม่มีตังค์  มีความสุขไหม?

    คำว่ามีเวลานี้ผมหมายถึง มีเวลาเป็นของตัวเองน่ะ

มีเวลาเที่ยวท่อง  มีเวลาอยู่กับครอบครัว   บางคนมีเงินเยอะแต่ไม่มีเวลาเป็นของตัว เอง  คือต้องทำงานตลอด  ยังนี้ก็แย่รวมไปถึงเรื่องสุขภาพด้วยนะ

....เพราะยังงี้ ถึงต้องมี    อิสระภาพการเงิน เวลา สุขภาพ ความสุข ....

  http://www.งานทําที่บ้าน.ws/methasit

 

 

 เรื่องราวจากเพื่อน โทมัส แหว

"ข้าวเหนียวห่อนั้นของแม่"
เสียงเอี๊ยดออด เตียงไม้ ที่คลอบด้วยมุ้งสี่สาย พร้อมเสียงติ๊ดตี๊ด เหมือนนาฬิกาปลุกถ่านไฟมันอ่อน สักพัก เสียงกระแอมเหมือนคอแห้งมาทั้งคืน หมาดคอ และเสียงเดินเท้าเบา ๆ ช้า ๆ คล้ายว่าคนชราเอียดโอย บนกระเบื้องแผ่นเรียบ สาก ๆ เล็กน้อย เพราะเม็ดฝุ่นที่หลงเหลือ
อีกมุ้งหนึ่งที่อยู่ข้าง ก็รู้สึกตัว เพราะมุ้งแรกเป็นโจทก์ หมาดคอใส่กัน เพื่อให้รู้ว่ารู้ตัวแล้ว ไม้งั้นจะถูกปลุก เหมือนตอนที่ยังเด็ก
เสียงไม้กวาดก้านมะพร้าวกับฝาบ้านที่เป็นไม้ เรียงกันแบบโบราณ ..ตัง ๆ ... "สายแล้ว ๆ ตื่น ๆ ไปโรงเรียน" เสียงกวาดลานดินข้างบ้านสลับมาซักระยะอันไม่นานก็มีเสียงไม้กวาดกระทบฝาบ้าน อีกเป็นถี่ ๆ ในรอบที่สองและที่สาม จนเด็กน้อยวัย สิบสามสิบสี่ปี รำคาญไปเอง และตอบสนองด้วยการงัวเงีย ลงมาอาบน้ำ เตรียมตัวไปเรียน ถือว่าเป็นการปลุกที่ได้ประสิทธิภาพ ที่มีมาตรฐาน ชาวบ้านข้าง ๆ ต้องได้ยินประจำ
แต่คืนนี้ เด็กน้อยคนนั้นโต จนมีลูกมีเมีย และวันนี้เขามาคนเดียว มานอนข้าง ๆ มุ้งแม่ อันที่จริงแล้วมีหมอนสองใบ บนเตียงนั้น แต่เขามองไม่เห็นเพราะเมื่อคืนกลับดึกไปนิด แถมมึนน้ำเมามาหน่อย ถ้าเขารู้ว่ามีหมอน เขาคงมักง่ายไปนอนตรงนั้นข้าง ๆ แม่แล้วเป็นแน่แท้. แต่ก็ไม่แน่ใจอีกประเด็น ว่าเพราะกลัวแม่เหม็นเหล้ารึเปล่า เลยใช้ใจคิดทั้งที่มึน ๆ ว่า เกรงใจท่าน..
ผู้เป็นแม่พูดเสียงสั่น ๆ ตามความชรา ของหญิงวัยเจ็ดสิบบ่าย ๆ
"แม่สินึ่งข้าวให้ ห่อเอาไว้ไปกินนำทาง ก่อนเด้อ จั่งค่อยไป" สำเนียงลาว-ไทหล่มสัก ของแท้ พูดไปเดินไปไม่สนใจที่ต้องฟังคำตอบรับใด เพราะแกตั้งใจจะทำจริง ๆ
ฝ่ายลูกชาย ร้องทักกลับไป "โอ้ย อี่แหม่ บ่ต้องลำบากนึ่งเด้อแหม่" ต้องอธิบายต่อ "แวะกินข้างทาง สะดวก แป๊บเดียว บ่ยุ่งยาก ดีอีก" ผู้เป็นแม่ยังเดินดุ่ม ๆ ออกนอกเรือนใหญ่
แสงไฟหลอดแสงนวลขาว ถ้ามองมาจากห้องน้ำที่อยู่หลังบ้าน จะเห็นแสงไฟ ลอดผ่าน ร้านค้าของชำ ที่ชาวบ้านเรียกกันเล่น ๆ ว่า "เซเว่น บ้านนอก" แม้จะไม่ได้เปิดทำการ 24 ชั่วโมง ดั่งในเมืองเขา แต่เรียกเมื่อไหร่ก็ต้องลุก
ภายในแสงไฟสลัวตอนตีสี่จะครึ่ง
ภาพควันไฟจากเตาฟืนไม้แห้ง โขมง โฉงเฉง สีควันออกฟ้า ๆ ลอยฟุ้ง ส่งกลิ่นควันหอมไม้ป่า ลอยมายังเจ้าของสายตา ที่ยืนมองอยู่จากหน้าห้องน้ำ ในความเงียบ ไฟสลัว กับสายตาที่แอบจ้องมอง
ภาพนี้เมื่อ 25 ปี 30 ปีก่อน ก็เป็นแบบนี้ วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม จะผิดกว่าก่อน คงจะความชราของแม่นั่นเอง สีหงอกของเส้นผม
เอื้องเดิน ช้า ๆ แต่อย่างไงก็ยังใช่ ภาพนั้นจริง ๆ
เก็บข้าวของ ใส่เสื้อผ้า จัดเตรียมรถรา เพื่อจะเดินทาง ปลายทางยังคงอีกไกลโข
แต่ก็เอาเถอะ อย่างไรก็ต้องไป เพราะที่นั่น ยังมีอะไรที่รออยู่ อีกมากมาย
แคร่ไม้หน้าบ้าน หน้าร้านค้า
กระด้งตอกเตี่ยวไม้ไผ่สาน ที่เรียกว่า "บมส่วยข้าว" ขันน้ำน้อย ๆ วาง พร้อมกับ "ไม้ส่วยข้าว" วางอยู่พร้อมสรรพ ผู้เป็นแม่ งุ่นง่านอยู่กับการหาถุง อะไรสักอย่างในร้าน แล้วเอามาวางข้าง ๆ บนแคร่
"แม่สิปี้นข้าว รอบึดหนึ่ง สิส่วยแล้วห่อให้ กินกับม่ำ(คนหล่มสักออกเสียงเรียกต่างกันกับคนอีสาน) กับส้มหมูเด๋อ" ยืนมองลูกชาย พร้อมกับเดินไปที่เตาไฟ ทำอย่างที่พูดไว้
ในใจไม่ปฏิเสธที่จะรับอีกแล้ว ที่แว๊บมา คือคำพูดของเพื่อนรักคนหนึ่ง
"ลูกกลับไปบ้าน แม้แม่จะทุกข์ ลำบากที่จะทำกับข้าวหาอาหาร หาของฝากให้ลูก แต่เชื่อเถอะนั่นคือความสุขของเขา ปล่อยแกทำไปเถอะ" ผู้เป็นลูกชาย ก็ปล่อยให้แม่ทำ แต่ก็จ้องมอง นั่งคุยเรื่องเก่า ๆ ไปพลาง ๆ
ผู้เป็นแม่ หยิบอัดถุงข้าว ที่อัดแน่นสองถุง
มองด้วยตาแล้ว ถุงละครึ่งกิโลแน่ ๆ แต่สี่ห่อใบตอง นั่นคือ "ฮัดยางวงสีเหลือง
นี่คือม่ำ ยางวงสีแดงนี่ส้มหมูเด้อ อย่างละสองห่อ" แล้วยื่นให้
ลูกชายยกมือขึ้นหัว เหมือนบอกว่าขอบคุณแม่
แล้วขยับเข้าใกล้ โอบกอด ในขณะที่แม่ไม่ได้ตั้งตัว
ตบหลังแม่เอา ๆ รัดแรงเป็นจังหวะ ๆ คางแนบไหล่ แนบคอแม่ ใจอยากจะกอดนาน ๆ แต่แค่ไม่ให้แม่อึดอัด ก็คงจะพอดี และแม่รับรู้อะไรได้แล้วหละ...
"เดินทางดี ๆ ปลอดภัย ขับรถขับรา ระมัดระวัง...."คำอวยพรของแม่ไหลพรั่งพรูมาเป็นชุด ประหนึ่งว่าไม่ได้พูดกับลูกชาย แต่คล้าย ๆ แกจะคุยกับเทวดา ที่อยู่แถว ๆ นั้น ฝากให้เทวดาดูแลแทน...
จากตีห้า ถึงแปดโมงเช้า เบาะหน้าข้างคนขับ คือห่อใบตอง และถุงข้าว ถูกมองแล้วมองอีก ใจคิดถึงภาพเมื่อเช้า คิดถึงภาพเมื่อยังเด็ก..
คนเดียว เดินลัดทุ่ง จากหมู่บ้าน ลิบ ๆ คือโรงเรียนที่อยู่บนเนินเล็ก ๆ นั่น...
เด็กน้อยสิบขวบ ตัวเล็ก หัวเกรียน เสื้อชุดนักเรียนสีขาวหม่น กางเกงกากี รอบเอวยุ้มรัด บ่งบอกว่ามันหลวม แบบมือสอง..
รองเท้าแตะ สะพายแล่งถุงผ้า ในนั้นคือหนังสือเก่าของพี่ ๆ ที่เรียนแล้วเมื่อปีกลาย ที่ตกทอด
และห่อข้าว กล่องอะลูมิเนียมบาง ๆ สีขาวตะกั่ว
มีหูขดลวดรัดล๊อคหัวท้าย สองช่องภายในคือข้าวเหนียวนึ่ง
ส่วนช่องเล็กนั้น กับข้าวของแห้ง สลับสับเปลี่ยนกันไปทุกวัน แม้จะไม่ซ้ำเมนูวันต่อวัน แต่ก็วนซ้ำกันเดิม ๆ ในสัปดาห์ถัดไป
ไข่ต้ม คือความถี่ที่สุด
ส้ม ม่ำ ปลาเกลือเค็มปิ้ง เขียดปิ้ง ปลาหลดปิ้ง ปลาเข็ง หมกปลาซิว หมกอี่ฮวก ปลาหวาน ปลาทูเค็ม นาน ๆ คือแจ่ว แต่ต้องมีอีกกล่องหนึ่งที่มีผักมาให้ แยกกัน
เหล่านี้ ติดตาตรึงใจ "ห่อข้าวของแม่" มีมานานนม กว่า 30 ปีมาแล้ว
ที่ต้องเดินทางข้ามทุ่งมาคนเดียวเพราะ "พวงกุญแจ" ที่ติดมากะเอว ใครมีพวงนี้ ต้องมาก่อนใคร ๆ มาก่อนคุณครู ก่อนเพื่อน ๆ และน้อง ๆ นักเรียนด้วยกัน
แม้จะมีครูแค่สี่คน แต่คุณครูบ้านก็อยู่ไกล มาย่อมสายกว่านักเรียนเป็นธรรมดา
มาก่อนใครเพื่อเปิดประตูห้องเรียนทุกห้อง เปิดหน้าต่างไว้รอทุกคน นี่คือหน้าที่ ต้องทำทุกวัน ที่ได้รับเกียรติ อันพิเศษกว่าใคร ๆ ในฐานะพี่ ป.4 ในฐานะ หัวหน้านักเรียน ทั้ง 44 คนของโรงเรียนแห่งนี้ "โรงเรียนบ้านร่องคูใต้"
ห่อข้าวถูกหยิบมาวางเบาะกลางข้างคนขับ
ชลอความเร็ว ขับชิดซ้าย แต่ไม่ได้หยุดรถ ยังคงขับไปเรื่อย... ด้วยความบังเอิญ ในบรรยากาศเพลงเพื่อชีวิตซึ้งกินใจหลายเพลงของปู พงสิทธิ์ คำภีร์ พอดิบพอดี
เปิดห่อใบตอง ม่ำ และส้มหมู ข้าวหนึ่งถุง นี่คือชุดแรกตามคำบอกของแม่ กินด้วยมือซ้าย ขับมือขวา ใจล่องลอยตามเนื้อเพลง ...
ความลงตัวของข้าวเหนียวครึ่งกิโล กับของในห่อใบตองสองห่อนั้น มันพอดี หมดพร้อม ๆ กัน อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่ตอนที่แม่ห่อให้ ในใจเขาจะทักว่าข้าวมันเยอะไปอยู่แล้วเชียว คิดว่ากินข้าวไม่หมดแน่ ๆ
แต่นั่นคือแม่ ย่อมรู้ว่าลูกกินข้าวเหนียวอย่างไง ม่ำหมู ถึงจะห่อเล็กก็จริง แต่กินกับข้าวได้ปริมาณเยอะ อย่างไม่น่าเชื่อ
ผู้เป็นลูกบอกว่ากินข้าวเหนียว จะลำบากในรถ และเสียเวลา
จอดกินข้าวข้างทางจะเร็วกว่า เพราะต้องการทำเวลา ด้วยระยะทาง กว่า 700 กิโลเมตร ที่ต้องขับ
ผิดคาดอย่างถนัด เป็นไปอย่างที่แม่ทำให้นี่แหละคือคำตอบที่ใช่ที่สุด
แล้วอีกชุดหนึ่ง นั่นหมายถึงมื้อกลางวันอีกมื้อ แม่ก็ยังจัดมาให้เผื่อไว้ ซึ่งคงไม่ได้คาดหมายว่าจะกินซ้ำกับมื้อเช้า...
บนถนนหนทาง ในซุปเปอร์ไฮเวย์ เส้นมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี เส้นทางทอดยาว มุ่งหน้ายังจุดหมายปลายทาง..
บ่ายโมงครึ่ง "ห่อข้าวของแม่" ก็ถูกหยิบมาวางข้าง ๆ ใกล้กับเบาะคนขับ อีกครั้ง ...โทมัส แหว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น